บทคัดย่อ
หัวข้องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการ
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา
ผู้วิจัย ว่าที่พันตรีพิศาล
วรจักร์
หน่วยงานที่รับผิดชอบ โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา
ปีการศึกษา 2557
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการในการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา 2)
สร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา 3) ทดลองใช้และศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา 4)ประเมินรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่
ผู้บริหาร ครู นักเรียน
ผู้ปกครอง
คณะกรรมการสถานศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร ประเด็นสนทนากลุ่ม แบบทดสอบ
แบบประเมิน และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
การพัฒนารูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ผู้วิจัยนำเสนอรายละเอียด ดังนี้
1.การสำรวจสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการในการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยาจากการสนทนากลุ่มของผู้บริหาร
หัวหน้ากลุ่มงานบริหารทั่วไป งานกิจการนักเรียน และครูแนะแนวจำนวน 12 คนช่วงต้นภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2556 สรุปสาระสำคัญ
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1 สภาพปัจจุบันในการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา
พบว่า
การบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนยังมีปัญหาในการดำเนินงานที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
ส่งผลต่อพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่างของนักเรียนที่เป็นปัญหาทั้งต่อตัวนักเรียนเอง
เพื่อน ครู รวมถึงผู้ปกครอง โดยร่วมกันสรุปพฤติกรรมที่ควรเร่งแก้ไข
5 อันดับแรกที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตัวนักเรียนค่อนข้างมาก
และอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนจนนักเรียนอาจต้องออกกลางคัน ได้แก่ ชู้สาว
การมาสาย หนีเรียน แต่งกายผิดระเบียบ และแสดงกิริยาไม่ดีต่อครูซึ่งผู้ร่วมสนทนาทุกคนมองว่าระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ที่จะนำมาใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้
เพราะเป็นระบบที่ช่วยสอดส่องดูแลนักเรียนทั้งด้านการเรียน สุขภาพ
และพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่างๆ ช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูที่ปรึกษากับนักเรียน
และช่วยให้ครูรู้จักนักเรียนของตนเองมากขึ้นด้วย 1.2
ปัญหาในการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนหนองทุ่ม
ศรีสำราญวิทยาโดยสรุปปัญหาและอุปสรรคได้ดังนี้ด้านปัจจัยคือ
ครูที่ปรึกษายังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนครูขาดความรู้ในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนงบประมาณสนับสนุนไม่เพียงพอผู้ปกครองปิดบังข้อมูลบางส่วนผู้ปกครองบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือด้านกระบวนการคือ กระบวนการนิเทศกำกับ ติดตามยังไม่ต่อเนื่องกิจกรรมที่ใช้ในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหายังไม่เพียงพอ
ครูที่ปรึกษาติดต่อผู้ปกครองไม่ได้ขาดการวิเคราะห์สภาพปัญหา
กิจกรรมในขั้นที่ 3 และขั้นที่ 4 ยังไม่เพียงพอกับสภาพปัญหาของนักเรียน
ด้านผลผลิตคือ นักเรียนไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือที่ทั่วถึงครูที่ปรึกษายังนำข้อมูลที่ได้มาใช้น้อยเกินไปและนักเรียนบางส่วนต้องออกกลางคัน
1.3 ความต้องการในการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยาได้แก่ ควรมีการวิเคราะห์ SWOT Analysis บริบทของโรงเรียนก่อนวางแผนในการดำเนินการ ควรเพิ่มกิจกรรมในขั้นที่ 3
และขั้นที่ 4 ให้มีความหลากหลายและมีความเหมาะสมในการแก้ปัญหาหรือส่งเสริมพฤติกรรมของนักเรียน
ผู้บริหารควรมีการนิเทศ กำกับ ติดตามการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอและงานกิจการนักเรียน
เป็นคณะกรรมการทีมนำ
ควรมีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้สำเร็จ และบุคลากรทุกคน ทุกฝ่ายควรให้ความร่วมมือและตระหนักถึงความสำคัญของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
2.การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
โรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน พบว่า
2.1 ความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี
ผลการตรวจสอบ พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้องความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎีรายข้อ มีค่า 1.00ทุกข้อและค่าดัชนีความสอดคล้องความเป็นไปได้ มีค่าระหว่าง 0.80 –
1.00 โดยข้อที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 0.80 มีจำนวน 2 ข้อ ได้แก่ การจัดกิจกรรมถวายเพลพระและการจัดกิจกรรมธนาคารความดี
2.2 ความสอดคล้องของรูปแบบ
ผลการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า
ค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อมีค่า 1.00 ทุกข้อ
2.3 ความเหมาะสมของรูปแบบ
ผลการตรวจสอบ พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อมีค่าระหว่าง 0.80 – 1.00
2.4 ความเหมาะสมของคู่มือการใช้ผลการตรวจสอบ พบว่า
ค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อมีค่าระหว่าง 0.80 – 1.00
3. การทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยา
3.1 ผลการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือ
นักเรียนและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงครูผู้เข้าประชุมสัมมนา
มีความรู้ความเข้าใจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5
3.2ผลการประเมินความสามารถในการดำเนินงานตามรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพบว่า
ค่าเฉลี่ย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (m
= 4.53 )
3.3ความคิดเห็นของที่มีต่อพฤติกรรมนักเรียนหลังใช้รูปแบบบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพบว่า
ค่าเฉลี่ยระดับพฤติกรรมหลังใช้รูปแบบโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x-bar= 4.55)
3.4
ประเมินความคิดเห็นของ ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาที่มีต่อรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพบว่า
ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
(x-bar= 4.53)
3.5 ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพบว่า
โดยภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
(x-bar= 4.57)
4. การประเมินรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนหนองทุ่มศรีสำราญวิทยาพบว่าผลการประเมินมาตรฐานของรูปแบบการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวม พบว่า มาตรฐานรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด ( m = 4.54 )
|